รถบรรทุกขับเอง เทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ปัญหา การขนส่งสินค้าให้มีความรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ได้ ค่อนข้างมาก ประหยัดเวลาอีกด้วย
รถบรรทุกขับเอง ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยี ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติในปัจจุบันได้เริ่ม มีอิทธิพลอย่างมาก หลายคนน่าจะทราบกันดีว่า นอกเหนือเรื่องการเดินทาง ในชีวิตประจำวันแล้ว หลายบริษัทชั้นนำ มุ่งเน้นการพัฒนา เทคโนโลยีรูปแบบไร้คนขับ ที่กำลังแข่งขันกันในธุรกิจการขนส่ง มาต่อยอดใน “รถบรรทุก” ที่สามารถขับเองได้
รถบรรทุกขนส่งสินค้าแบบไร้คนขับ คือ เทคโนโลยีที่เข้ามา เพื่อช่วยแก้ปัญหาของ การขาดแคลนแรงงาน ในการจ้างคนขับรถบรรทุก เนื่องจากรถบรรทุกขับเอง สามารถใช้งานอย่างต่อเนื่องได้ทั้งวัน ทำให้การขนส่ง ยังดำเนินต่อไปได้ ถึงจะอยู่นอกเวลางานของคนขับรถ โดยสิ่งนี้จะเข้ามาส่งเสริม ให้การขนส่งสินค้ามีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างในกรณีในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว บริษัทชั้นนำจาก สหรัฐอเมริกาที่ทำธุรกิจ รถบรรทุกขับเอง โดยอัตโนมัติที่มีชื่อว่า TuSimple ได้ทำการขนส่งแตงโม ซึ่งมีเส้นทางผ่านทั้งหมด 3 เมือง มีระยะทาง 1,630 กิโลเมตร
รถบรรทุกขับเอง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ ใช้เวลาน้อยกว่า รถบรรทุกโดยทั่วไป ที่มีคนขับมากกว่า 52% หรือใช้ระยะเวลาจาก 24 ชั่วโมง เหลือเพียง 12 ชั่วโมง
ไม่เพียงแค่ใช้เวลา ที่น้อยลงแล้ว ยังมีการใช้พลังงาน และแรงงานที่ลดลงเหมือนกัน โดยมีอัตราที่ทำให้ ค่าใช้จ่ายทางค่าขนส่ง ลดลงในระยะยาว หากได้พัฒนาถึงระดับ ที่ขับเคลื่อนที่ไปได้อัตโนมัติ อย่างไม่มีข้อบกพร่อง ก็จะสามารถลดต้นทุน ได้มากกว่า 58%
ถึงแม้ว่าธุรกิจต่าง ๆ จะต้องพบกับค่าใช้จ่าย ที่ต้องใช้ไปกับการวิจัย และพัฒนาที่มากมาย ในตอนเริ่มต้นก็ตาม และถ้าหากรถบรรทุก สามารถเคลื่อนที่ไปได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน ที่ใช้ไฟฟ้ามาทดแทนได้ ถือว่าเทคโนโลยีดังกล่าว ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้นไปอีกด้วย
เป็นที่ทราบกันดีว่า การพัฒนาเทคโนโลยี การเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ ในรถบรรทุกนั้น จะมีเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากกว่า รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของน้ำหนักรถ ที่ค่อนข้างหนัก รวมถึงขนาดของรถ ที่มีขนาดใหญ่กว่า
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการพัฒนาระบบเซนเซอร์ และสัญญาณเตือน ของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ในขณะการเดินทาง ที่จะต้องทำออกมา ให้ตอบสนองได้เร็วกว่า อีกทั้งยังต้อง สามารถประมวลผลให้ได้ถูกต้อง แม่นยำกว่ารถยนต์เป็นเท่าตัว
หากลองสำรวจ ถึงวิวัฒนาการในเรื่องของการพัฒนา ด้านเทคโนโลยี รถบรรทุกขับเอง โดยใช้หลักการ ที่จะจัดอันดับในหมวดหมู่ ของเทคโนโลยี ที่สามารถขับเคลื่อน ได้อย่างอัตโนมัติ
ซึ่งมีการวัดระดับจาก SAE International โดยเริ่มจากระดับ 0 ซึ่งหมายถึงรถยนต์ ที่ต้องใช้คนขับ ไปจนถึงระดับ 5 ซึ่งหมายถึงรถยนต์นั้น สามารถเคลื่อนที่ โดยอัตโนมัติ ในตอนนี้ รถบรรทุกไร้คนขับ ที่มีการใช้งานในธุรกิจ จะอยู่ในระดับ 3 ซึ่งถือว่าเป็นระดับเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
โดยทางฝั่งของรถบรรทุก จะมีระบบพิเศษที่มีชื่อว่า “Platoon” เป็นการวางระบบ เพื่อให้รถบรรทุก เคลื่อนที่ตามกันในลักษณะเป็นขบวน โดยแต่ละคันนั้น จะถูกเชื่อมโยงกันด้วย ในรูปแบบไร้สาย เพื่อให้รถคันหลัง มีการปฏิบัติเหมือนกับ คันที่เป็นหัวขบวน
ในส่วนของระบบเคลื่อนที่ แบบไร้คนขับระดับ 3 จากหมวดหมู่ทั้งหมด ซึ่งตอนเริ่มต้น จะมีรูปแบบเรียกว่า Platoon โดยจะมีคนขับ ก็คือรถบรรทุกทุกคัน ที่อยู่ในขบวนนั้น จำเป็นต้องมีคนขับนั่งภายในรถด้วย จากนั้นจะใช้ระบบ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในรูปแบบ Platoon นี้ บนถนนที่เป็นเส้นทางหลวงเท่านั้น
เนื่องจากมีลักษณะ ถนนที่รถยนต์ไม่มีความวุ่นวาย และเป็นระยะทางยาว เมื่อวิ่งสู่ถนนปกติที่มี รถยนต์วิ่งสวนกัน ไปมาอย่างวุ่นวาย ก็จะเปลี่ยนมาเป็นคนขับรถแทน
ใช้เวลาไม่นาน ได้มีการพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบ Platoon ที่ไม่มีคนขับ ซึ่งจะมีคนที่จะนั่งในตำแหน่งคนขับ เฉพาะในรถที่อยู่หัวขบวนเท่านั้น ส่วนรถคันอื่น ๆ จะเคลื่อนที่เอง โดยไม่อาศัยคนขับ
แต่จะยังคงใช้ การเคลื่อนที่รูปแบบนี้ โดยเฉพาะอยู่บน ถนนทางหลวงเหมือนเดิม ถือว่าเป็นการลดค่าใช้จ่าย ในการขนส่งได้มากถึง 13% รูปแบบ Platoon ที่อาศัยคนขับนั้น จะเริ่มออกรถอย่างเป็นทางการ และเมื่อปี 2015 จากการวิจัยของ European Truck Platooning Challenge ที่ประกอบไปด้วย ธุรกิจยานยนต์ ชั้นนำระดับโลก
ไม่ว่าจะเป็น Daimler, Volvo และ Scania ที่อยู่ภายใต้ Volkswagen ได้มีการบันทึกข้อมูลขึ้นมาใหม่ ก็คือเป็นขบวนรถบรรทุก ที่สามารถเคลื่อนที่ โดยใช้ระยะในการเดินทางไกลที่สุด ในการทดลองดังกล่าว โดยสามารถไปไกลถึง 3,000 กิโลเมตร โดยจุดเริ่มจาก ประเทศสวีเดน ผ่านเดนมาร์ก เยอรมนี และไปถึงจุดปลาย ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
ในเวลาต่อมาทางบริษัท Scania และ Toyota มีการทดสอบรูปแบบ Platoon ที่ไม่มีคนขับครั้งแรก ในประเทศฮ่องกง และในขณะนี้ บริษัทที่ทำธุรกิจ เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ได้กำลังพัฒนา รูปแบบการเคลื่อนที่ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
ในกลุ่มประเภท รถบรรทุก ให้ไปอยู่ในระดับ 4 โดยใช้รูปแบบการ เคลื่อนที่รถอัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยการเชื่อมโยงกัน ให้มีลักษณะขบวนอีกต่อไป อีกทั้งยังไม่ต้อง อาศัยคนขับรถเลย ในขณะรถเคลื่อนที่อยู่บนทางหลวง รวมถึงถนนบางเส้นทาง ที่ถูกเก็บข้อมูลไปแล้ว
ซึ่งผู้คนจะเข้ามาควบคุมรถ เมื่อรถบรรทุกเคลื่อนที่ ไปสู่เส้นทาง ที่มีความวุ่นวาย การจราจรที่พลุกพล่าน หรือถนนที่มีเส้นทางคดเคี้ยว
อีกทั้งยังต้องมีพนักงานที่ต้อง ขนสินค้าขึ้นลงรถ ตามจุดต้นทาง และปลายทางอยู่ อีกหนึ่งในปัจจัย ที่หลาย ๆ บริษัทตัดสินใจที่จะ พัฒนารถบรรทุกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุที่ว่า รถบรรทุกในปัจจุบัน ถือว่าเป็น รถบรรทุกขนส่งสินค้า ที่มีความหลากหลาย ซึ่งการผลักดัน ในเรื่องพัฒนารถบรรทุก จึงมีการประเมินกันว่า เทคโนโลยีรถยนต์ เคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ ที่ไม่มีคนขับสักคน แนวโน้มจะเกิดขึ้นในธุรกิจรถบรรทุก ก่อนยานยนต์อื่น ๆ อย่างแน่นอน
สำหรับใครที่ กำลังมองหารถบรรทุก แบบที่ไม่ต้องใช้แรงงานของมนุษย์ เพื่อขับเคลื่อนยานพาหนะ คงจะสนใจและอาจจะถูกใจกันไม่น้อยเลย เพราะมันสามารถทำให้ ธุรกิจของคุณนั้น ดำเนินต่อไปได้ โดยที่ไม่มีพนักงานลาเจ็บป่วย หรือเมื่อยล้าหลับในขณะขับขี่
แต่ถึงจะเป็นไปในทิศทางนั้นก็ตาม เราเองก็ยังคงต้องรอให้พัฒนาระบบ ให้มีความแม่นยำมากที่สุด ในการตั้งระบบขับรถแทนมนุษย์ เพื่อลดควาผิดพลาด ที่อาจจะเกิดขึ้น จากระบบดิจิตอลได้ และหวังว่าภายภาคหน้านี้ คงจะมีข่าวคราวดี ๆ มาให้เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนได้ชื่นใจในความทันสมัย ของยุคของหุ่นยนต์ที่จะถึง
ติดตามบทความที่น่าสนใจกันต่อได้ที่ >>> หมวกกันน็อคมีกี่แบบ
เรียบเรียงโดย อลิส