การดริฟต์รถ สิ่งน่ารู้ของการดริฟต์ วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการดริฟต์

การดริฟต์รถ

การดริฟต์รถ ความตื่นเต้นเร้าใจของผู้ที่ชอบรถและความเร็ว

การดริฟต์รถ คุณคือนักผจญภัยรึเปล่า ที่ชอบหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิต หรือมักจะ พยามเบลอเส้นกั้น ระหว่างความปลอดภัย และความอันตราย ถ้าคุณคือ คนประเภทนั้นล่ะก็ คุณควรลองสิ่งนี้ ที่เรากำลังอยาก ให้คุณลอง ก็คือการดริฟต์รถ การดริฟต์นั้น คือสไตล์ การควบคุมรถ โดยตั้งใจให้รถไถล เหมือนเกิดการสูญเสียการควบคุม

การทำให้ล้อหลังของรถ เกิดการไถ เสียการยึดเกาะบนถนน ในบางครั้งก็สามารถ ทำให้ทุกล้อ เสียการควบคุมทั้งหมด การดริฟต์เป็นการ กระตุ้นอะดรีนาลีน ที่ยอดเยี่ยมมาก

เค้นความตื่นเต้น สมาธิ และความสนุก ออกมาจากขีดสุด จากการขับขี่ที่(ดูเหมือน)ไม่ปกติ และ(ดูเหมือน) ไม่ปลอดภัย เราสามารถหารูป รถดริฟโชว์ หรือ รถดริฟสวยๆ เพื่อเพิ่มความสนใจดูได้

การบังคับรถ ระหว่างเลี้ยวนั้น เป็นเรื่องง่ายมาก คุณเพียงแค่หมุน พวงมาลัยของรถไป ยังทิศทางที่ คุณต้องการ คุณจะสามารถ อธิบายทางฟิสิกส์ได้ ในจังหวะนั้น คุณจะไม่สามารถ ควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้น กับล้อคุณได้

การดริฟต์รถ

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราดริฟต์รถ

การเลี้ยวรถแบบนั้น ต้องเกิดการเสียดสี โดยไม่มีแรงเสียดทาน เกิดขึ้น ตัวยางจะไม่มี หน้าที่อะไร และไม่มีอะไร ผูกมัดมันกับถนน จะให้ความรู้สึกเหมือนกับ การขับรถบนน้ำแข็ง โดยที่รถของคุณลื่นไถล ไปมาอย่างอิสระ

สอนดริฟรถ เมื่อรถของคุณ ทำการดริฟต์ขึ้น แรงสู่ศูนย์กลาง ของรถจะถูกแบกรับภาระ มันจะเป็นผู้ที่ ดึงรถคุณหมุนเป็นวงกลม ซึ่งนั่นคือ สิ่งที่เราตั้งใจจะ ทำให้เกิดขึ้นเพื่อ สามารถจะทำการควบคุม ทิศทางของการดริฟต์ หลังจากนั้น

ขณะที่คุณเลี้ยว แรงเสียดทานระหว่าง ถนนกับยางหน้า จะยึดรถไว้ไม่ให้ไถล หรือไม่ให้ไถลไป ในทางตรง ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ แรงเสียดทานพวกนั้นจากรถ จะช่วยให้รถเลี้ยว

การดริฟท์คือ การบริหารจัดการ ปริมาณของแรงยึดเกาะถนน ที่คุณสูญเสียไป ในยางหลังของคุณ การดริฟท์ทำให้คุณ เสียการยึดเกาะของยางไปบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ในเส้นทางดริฟต์รถนั้น คุณยังต้องฝึกฝน การควบคุมปริมาณ การยึดเกาะถนนที่เสียไป อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณสามารถกำหนดมันได้ โดยการควบคุมความเร็ว ในการหมุนของล้อ

เมื่อดริฟต์ คุณมักจะทำการเลี้ยว ด้วยความเร็วที่สูงมาก หรือมากเกินไป ทำให้เกิดการเสีย แรงยึดเกาะของ ล้อหลังบนถนน ซึ่งส่งผลให้ยางหลัง  เกิดแรงหมุนที่ มากเกินไป และรถก็จะเริ่ม หมุนอย่างแรง ซึ่งคุณสามารถชดเชย แรงหมุนที่มากเกินไป ด้วยการบังคับล้อหน้า ให้หันไปในทิศทางตรงข้าม ของทิศที่หมุน ณ ขณะนั้น

ฉะนั้นการดริฟต์ คือการพยายาม จะสร้างความสมดุล ระหว่างปริมาณของดอกยาง ที่คุณต้องเสียไป ตรงยางหลัง กับความเร็วล้อ และการสไลด์ของรถ

รถแบบไหนที่เราใช้ในการดริฟต์

  • รถ ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่แบบล้อหลังจะสัมผัส กับพื้นผิวเส้นทางมากกว่า
  • รถที่มีพลังการขับเคลื่อนสูง จะมีประโยชน์ในการดริฟต์
  • เฟืองท้ายหลาย ๆ แบบ ที่ช่วยให้ล้อหลัง ทั้งสองหมุนได้ดี ดีกว่ามีแค่แบบเดียว
  • รถที่มีความสามารถ ในการปิดระบบ การควบคุมสมดุลของรถ ที่มีไว้เพื่อ ความปลอดภัยในการขับขี่(แบบปกติ)
  • รถที่มีล้อหลังถูก ๆ (เพื่อลดแรงเสียดทานที่จะเกิดขึ้น)

รถดริฟ ขับเคลื่อนล้อไหน ที่จริงแล้วเรา สามารถดริฟต์ได้กับรถทุกแบบ แต่น่าเสียดาย ที่คุณไม่สามารถ จะทำการดริฟต์ได้ดี กับรถที่เป็น ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ถ้าขับรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้า คุณจะเจอการไถล ของรถเป็นระยะ ๆ ในประเภทที่ ควบคุมได้ลำบาก และก็เป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะสามารถ คงสภาพการดริฟต์ไว้ อย่างถูกต้อง หากปราศจาก รถขับเคลื่อนล้อหลัง หรือสี่ล้อ

การดริฟต์รถ

การดริฟต์รถ ขั้นตอนของการดริฟท์

เราแบ่งขั้นตอนการดริฟต์ ออกมาเป็นสี่ขั้นตอน

  1. ขั้นตอนการเลี้ยว
  2. ขั้นตอนการเข้าสู่สภาวะดริฟต์
  3. ขั้นตอนการควบคุมและประคองการดริฟต์
  4. ขั้นตอนการออกจากสภาวะดริฟต์ของรถ

เริ่มจาก ขั้นตอนการเลี้ยว เมื่อเรากำลังเรียนรู้ที่จะดริฟต์ คำแนะนำคือเข้าเกียร์สองที่ความเร็ว 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ประมาณ 3000 รอบต่อนาที ซึ่งการเข้าเกียร์สอง จะทำให้คุณมีและบิด ที่เหมาะสม ให้ล้อหลังหมุนไป ในปริมาณที่พอดี ที่จะเกิด โอเวอร์สเตรียร์ (การไถลของรถ) จำให้ขึ้นใจว่า การดริฟต์ไม่ใช่ การขับรถให้เร็วที่สุด ในเวลาเข้าโค้ง

ขั้นตอนการเข้าสู่สภาวะดริฟต์  ที่สุดทางของมุม ตรงทางโค้ง รถของคุณต้องเริ่ม ที่จะมีการโอเวอร์สเตรียร์ ซึ่งในบางครั้งนั้น ก็ยากที่จะทำให้เกิดโอเวอร์สเตรียร์ ได้แบบที่ใจต้องการ ศาสตร์ของการดริฟต์นั้น ได้พัฒนาคำศัพท์มากมาย ที่เอาไว้ใช้เรียก สถาการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง การดริฟต์ หรือการบังคับ ให้เข้าสู่การดริฟต์

ขั้นตอนการควบคุมและประคองการดริฟต์ เมื่อล้อหลังของเราเริ่มมีปฏิกิริยาที่ล้อหลัง เราต้องลงมืออย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้พาวเวอร์ของรถ (ที่มักจะต้องใช้สูงมากเพื่อต้านการโอเวอร์สเตรียร์ของรถ) การหันทิศทางของล้อไปในทิศตรงข้ามของการเลี้ยว

เช่นเลี้ยวขวาและเกิด การโอเวอร์เสตรียส์ ในจังหวะที่ล้อหลัง เริ่มไถล ให้หันพวงมาลัย ไปทางซ้ายทันที เรียกว่า Counter-Steer ในขณะที่เกิดสภาวะนี้ เราต้องประคองสภาวะ ที่ว่ามาเพื่อทำการดริฟต์ ควบคุมระดับความเร็ว และพาวเวอร์ของรถ อย่างสม่ำเสมอ

การดริฟต์รถ

การออกจากสภาวะดริฟต์ ยากพอ ๆ  กับการเข้าโค้งเพื่อดริฟต์

ขั้นตอนการออกจาก สภาวะดริฟต์ของรถ เป็นอีกสภาวะหนึ่งของรถ ที่เราต้องให้ความสำคัญเช่นกัน และขั้นตอนนี้ อาจจะต้องใช้เทคนิคเยอะหน่อย ถ้าคุณออกจาก การดริฟต์เร็วเกินไป คุณอาจจะพบกับ ปัญหาที่รถจะเกิดโอเวอร์สเตรียร์ ในทางตรงกันข้าม

เช่นคุณเลี้ยวขวา และทำการดริฟต์ หากออกจากสภาวะดริฟต์ เร็วเกินไป คุณอาจจะเจอ รถเหวี่ยงไปทางซ้าย เหมือนกับมันจะ ทำการดริฟต์ไปทางซ้าย สาเหตุคือแรงเหวี่ยง ที่เกิดจากการประคอง การดริฟต์ก่อนหน้านั้นยังคงอยู่ หลังจากที่ล้อหลังของเรา หยุดสภาวะโอเวอร์เสตรียร์ไปแล้ว

เคล็ดลับคือ ต้องมีการผ่อนแรง และหมุนพวงมาลัย อย่างรวดเร็ว และบังคับให้รถ และล้ออยู่ใน ตำแหน่งที่ตรง อย่างรวดเร็ว อย่าให้พวงมาลัย หมุนผ่านมือคุณไป (เช่นเมื่อเลี้ยวขวา พวงมาลัยจะหมุนกลับมา ทิศทางที่เหวี่ยงไปทางซ้าย เราต้องอย่าให้ พวงมาลัยหมุนไปทางซ้าย มากเกินจุดศูนย์กลางมัน) ไม่งั้นคุณอาจจะ ไม่สามารถควบคุมรถ ได้ตามที่คุณต้องการ

นี่คือศาสตร์ของ การดริฟต์อย่างคร่าว ๆ ที่เราควรรู้เอาไว้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ดริฟต์รถ ในชีวิตจริง หรือในเกม ความรู้พวกนี้นั้น ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ ทั้งสองโลก

ติดตามเว็บไซต์คุณภาพดีแบบนี้ไว้ เพื่อที่จะไม่พลาดคอนเทนต์ดี ๆ แบบนี้ต่อไปในอนาคต


เรียบเรียง: แซมมีแบร์